วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ต้องเหนื่อยกันอีกแล้วหรอเนี่ย

เจอกราฟวันศุกร์เข้าให้ แทบหมดหน้าตักเลยครับพี่น้อง ใจใหญ่ไปหน่อย ไม่มี SL อีก ไม่ไหวเลยเรา มาม่ะ ปั้นใหม่อีกรอบก็ได้ฟ่ะ ถือเสียว่าเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้เรา สู้ ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เป็นอีกวันที่ช้ำใจ

ตั้งหน้าตั้งตาปั้นจาก 5$ เป็น 30$ ใน 2 วัน มาวันนี้แพ้ภัยตัวเอง คืนให้กับโบรกหมดเลย ยอมรับว่าตัวเองไม่นิ่งพอ และอีกอย่างก็ลงลอตหนัก พอติดลบ ก็ไม่มีลิมิตว่าจะลบได้เท่าไหร่ สุดท้ายก็ยอมตัดเมื่อมันจะกินเราหมด เฮ้ออออ ไม่เป็นไรครับ ปั้นเอาใหม่ได้ ตราบใดที่ลมหายใจยังไม่สิ้น สู้กันต่อไปครับ

วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง จะเป็นไรไป

ช่วงปลายเดือนตุลาคม 54 ไม่ได้เทรดเลยครับ เพราะเตรียมงานขึ้นบ้านใหม่ ซึ่งทำพิธีขึ้นบ้านใหม่เสร็จไปแล้วเมื่อ 27 ตุลาคม 54 นี้ครับ เสร็จจากขึ้นบ้านใหม่ก็ถือฤกษ์งามยามดี ฝากเงินเข้าเทรด 40$ เมื่อ 1 พ.ย. 54 พอตกเย็นหน่อยก็จัดไปซะหลายไม้ ผลเป็นไง …5555 โดนกินเรียบเลยครับ เหลือไว้ 5$ เสียไปเพราะอารมณ์ล้วน ๆ อีกแล้วครับ ห้ามอารมณ์ตัวเองไม่อยู่จริง ๆ หลังจากนั้น ก็ไปเดินเล่น ทำโน่นทำนี่ เพื่อจะได้ไม่ต้องเครียด

พอตกดึก ก็ตั้งสติสู้กับมันใหม่ ปั้นจาก 5$ เป็น 10$ ในคืนนั้นเลยครับ เอาละ กำลังใจมาล่ะ พอเช้ามาอีกวัน ตั้งใจจะปั้นจาก 10$ ให้ได้ 20$  และแล้วเป้าหมายก็สำเร็จครับ คืนนี้จะปั้นให้ได้ 40$ แต่ก็จะไม่ประมาทครับ จะตั้งใจทำเต็มที่ครับ คืนนี้มาลุ้นกันอีกทีครับ

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าว ขอน้ำกินหน่อย…

วันแรกของสัปดาห์ ก็โดนกราฟ EU เล่นงานซะอ่วมอรทัยเลยครับ …555 อีกอย่างก็นอกระบบเต็ม ๆ เลยวันนี้ ไม่ยอมตามระบบอีกต่างหาก เวงกำ…มาดูผลงานอันน่าสยดสยองกันครับ…อิอิ

10-10-2554

หวังว่ามันจะลงมาปิดให้น่ะครับเนี่ย…

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อัพเดทผลงาน 7/10/2554

วันนี้นั่งลุ้นพอสมควรครับ กว่าจะปิดออร์เดอร์ได้ ตอนแรกจัด Sell ไป กราฟดันวิ่งขึ้น แล้วก็ขึ้น เลยเปิดออร์เดอร์ Buy ตามไป พอเข้าปุ้บ กราฟมันดันลงมาซะนี่ เอาไงหว่า ก็จัดบายไปอีก แล้วมันก็ลงอีก พอใกล้จะถึงออร์เดอร์ที่เปิด Sell ดูท่าทางมันไม่ลง เลยปิดออร์เดอร์ที่ Sell ไว้ แล้วจัดการเปิด Buy ไปอีกชุดนึง มันก็ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึง TP มันก็ลงมา แล้วก็ต่ำกว่าจุดเข้าอีก เอาแล้วสิ ตูจะปิดขาดทุนดีมั้ยหว่า ไปดูค่าเงิน USD มันก็เทรนลงน่ะนี่ ดังนั้น คู่เงิน EU มันต้องขึ้นสิ เลยปล่อยมันไป สุดท้ายก็บินไปถึง TP จนได้ รอดตัวเลยเรา อิอิ จากทุน 5$ เป็น 10$ ใน 3 วัน ทะลุเป้าล่ะครับ…แล้วมาลุ้นกันอาทิตย์หน้าครับ

10-7-2011

10-7-2011-balance

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผลงานวันนี้ - 6/10/2554

บางออร์เดอร์กว่าจะปิดได้ เล่นนั่งปาดเหงื่อรอตั้งเป็นชั่วโมง มีนอกระบบบ้าง แต่โชคดีที่กลับมาให้ปิดได้ ต้องใจเย็นลงมากกว่านี้

10-6-2011

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มาปั้นเงิน 5$ กันเถอะ

หลังจากเมื่อวันอังคาร เจอพายุโหมกระหน่ำ ควักกระเป๋าให้กับโบรกเกอร์ 30$ กว่า ๆ เหลือเงินอยู่ 5$ กว่า เลยจะเอามาสู้กับมันใหม่ อาศัยเก็บน้อย ๆ แต่ถี่ ๆ มาดูกันครับว่าจะไปได้สักกี่น้ำกัน

นี่เป็นยอดของวันแรกกับเงิน 5$

10-6-2011 12-07-25 AM

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ระบบเทรด Traderlism

ทดลองระบบมาก็เยอะ แต่มักจะทำนอกระบบอยุ่เรื่อย ๆ ทำให้กำไรที่ทำได้ คืนโบรกเกอร์ไปหมดพร้อมด้วยทุนที่มี กลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง ไม่มีคำว่าสายถ้าจะเริ่มต้นใหม่ จริงมั้ยครับ …มาว่ากันด้วยระบบที่ผมใช้ก่อนครับ มาดูหน้าตากัน

 mytradesystem

ระบบนี้ประกอบด้วยเส้น SMA20 เซ็ตเป็นแบบ Hight , Low , Close และ MACD

การเข้าออร์เดอร์ จะดูที่ราคาตัดเส้น SMA20 ถ้าตัดลง ก็เปิด Sell โดยตั้ง Slop Loss ที่เส้น SMA20 ด้านบน ส่วนการเปิดออร์เดอร์ Buy ก็จะตรงข้ามกับ Sell กล่าวคือ ถ้าราคาอยู่เหนือ SMA20 ด้านบน ก็จะเปิดออร์เดอร์ Buy โดย Slop Loss ที่เส้น SMA20 ล่าง การปิดทำกำไร ต่อเมื่อราคาวิ่งตัดเส้น SMA20 หรือตามความพอใจ และดูแท่งเทียนประกอบด้วย ส่วน MACD ใช้สำหรับดูรูปแบบ Divergence ….

เริ่มทดสอบระบบด้วยเงิน 44 เหรียญ หรือประมาณ 1300 บาท เริ่มเทรด ตุลาคม 2554 แล้วมาดูกันครับ ว่าระบบนี้จะทำกำไรให้ได้หรือไม่ แล้วเจอกันครับ…

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ขวากหนามที่มากมาย ต้องฝ่าฟันไปให้ได้

เริ่มเทรดตั้งแต่ต้นปี จนตอนนี้ย่างเข้าเดือนที่ 10 ผลงานยังไม่ไปไหนเลยครับ ขาดทุนนับครั้งไม่ถ้วน กำไรแทบไม่ต้องนับ เพราะแทบไม่มีกำไร….ฮา….ถึงกำไรจะยังไม่มี แต่สิ่งที่ได้มากกว่ากำไร นั่นคือประสบการณ์ จิตใจ ที่ถูกทดสอบโดยตลาด ผ่านมา 9 เดือน ทำให้จิตใจเราเข็มแข็งขึ้น อารมณ์นิ่งมากกว่าเดิม มองแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น หาจังหวะในการเข้าเทรดได้ดีขึ้น วันพฤหัสที่ผ่านมา เจอกราฟหลอก อารมณ์ไม่นิ่ง เลยโดนไป 30 กว่าเหรียญ วันศูกร์ เลยโอนเข้าอีก 40 เหรียญ ได้มานิดหน่อย พยายามใจเย็น ยึดตามระบบเทรดของเราให้ได้ ระบบให้เข้าก็เข้า ระบบให้ออก ก็ต้องออก อย่าไปฝืนระบบ นี่คือสิ่งที่ผมพยายามเตือนตัวเองตลอดเวลา และจะต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้…แล้วเจอกัน Forex

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

อัพเดทบล็อกสักหน่อย

ไม่ได้อัพเดทบล็อกนาน ที่หาย ๆ ไป ก็มัวแต่ไปทดลองโน่นนี่อยู่ครับ อีกอย่างก็ความขี้เกียจเข้าสิงครับ 5555 กำไรบ้างขาดทุนบ้าง ก็ยังไม่ไปไหนไกลจากบันไดบ้านเลยครับ ที่เสียไปก็อารมณ์ตัวเองล้วน ๆ และก็นอกระบบ คือแบบว่า ลองนอกระบบดู ว่าระบบมันจะแม่นแค่ไหน 555 เชื่อล่ะครับ ว่าไม่ควรนอกระบบ อิอิอิ ก็คิดว่าได้ระบบที่ตัวเองถนัดล่ะครับ เดี๋ยวขอไปทดสอบสักระยะก่อน ถ้าชัวร์ ๆ จะเอามาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งครับ

อาทิตย์นี้ได้ลาหยุดพักผ่อนยาวถึงสิ้นเดือนเลยครับ ก็มีเวลาเฝ้ากราฟกันทั้งวันล่ะครับงานนี้ แล้วเจอกันคับ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

การควบคุมสติในการเล่นหุ้นเมื่อขาดทุนติดๆกัน : Consecutive losses and the trading psychology spiral


หุ้น จิตหลุด 1
การขาดทุนติดๆกัน และภาวะอาการ “จิตหลุด” ของนักเล่นหุ้น โดย Barry Lutz

ในช่วงที่ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ หรือเคลื่อนไหวอยู่ในแนวโน้มขาลงนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำกับนักเล่นหุ้นทุกคนนั้น คือการขาดทุนที่มักจะเกิดขึ้นติดๆกันเป็นระยะ สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงนี้คือการควบคุมอารมณ์และสติของเราให้มั่นคง เพื่อที่จะรักษาวินัยในการลงทุนเอาไว้ และในวันนี้ผมได้นำวิธีการง่ายๆที่อาจช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์และสติของคุณได้ดียิ่งขึ้นเมื่อต้องเจอกับตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยครับ

จิตวิทยาการลงทุน

การขาดทุนติดๆกัน และภาวะอาการ “จิตหลุด” ของนักเล่นหุ้น

โดย Barry Lutz

คุณได้เข้าซื้อหุ้นไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นานมันก็เริ่มดิ่งหัวลง หลังจากนั้นคุณจึงตัดสินใจครั้งใหม่ที่จะ Short หุ้น แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็เด้งขึ้นทันที นับรวมแล้วก็เป็นอันว่าคุณขาดทุนติดกัน 2 ครั้งเสียแล้ว และมันทำให้คุณรู้สึกค่อนข้างลังเลขใจเล็กน้อย นั่นทำให้คุณรู้สึกแหยงๆที่จะไม่เทรดหุ้นในสัญญาณครั้งต่อไป และเป็นอย่างที่คุณคิดเอาไว้ นั่นเป็นสัญญาณที่ทำให้คุณได้กำไร! เอาล่ะสมมุติว่ามันแย่กว่านั้นอีก คุณตัดสินใจไล่ซื้อตามมันไป ซึ่งหลังจากที่คุณได้ไล่ซื้อมันไปไม่นานนัก มันก็ดิ่งหัวลงมาและทำให้คุณขาดทุนอีกครั้ง สรุปแล้วในขณะนี้คุณขาดทุนติดกันถึง 3 ครั้งแล้ว..

คุณอาจคิดว่า “โอเค.. ลองอีกครั้งก็ได้ฟระตรู เรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นได้เสมอแหละวุ้ยยยย”

ในครั้งนี้ คุณตัดสินใจอย่างฉลาดสุดๆ คุณสังเกตได้ว่าตลาดนั้นวิ่งอยู่กรอบแคบๆ มันจะเด้งขึ้นเมื่อเจอกับแนวรับ และเด้งลงเมื่อเจอกับแนวต้าน ดังนั้นในครั้งต่อไป คุณจึงตัดสินใจที่จะซื้อ-ขายเมื่อมันวิ่งไปชนกับกรอบราคา แทนที่จะเล่นด้วยระบบเดิมๆของคุณ

ต่อมานั้น ตลาดได้วิ่งไปคลอเคลียอยู่แถวแนวรับ ซึ่งมันเข้าทางกับแผนการที่คุณได้วางเอาไว้ คุณจึงตัดสินใจ “ซื้อมันซะเลย” แต่แทนที่มันจะเด้งขึ้นเหมือนอย่างที่ผ่านมา ราคาของหุ้นกลับดิ่งทะลุแนวรับไปเสียนี่.. และนี่ไม่เพียงทำให้คุณขาดทุนติดๆกันถึง 4 ครั้ง แต่นี่เป็นการขาดทุนจากการที่คุณแหกระบบที่ดีที่สุดระบบหนึ่งของคุณไป เท่านั้นยังไม่พอ มันยังเป็นสัญญาณที่หากว่าคุณทำตามระบบไปละก็ กำไรในคราวนี้จะกลบการขาดทุนใน 3 ครั้งที่ผ่านมาทั้งหมดเลยทีเดียว

เอาล่ะ เมื่อมาถึงตอนนี้คุณจะทำอย่างไรต่อไป.. “เลิกเล่น?” แล้วพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้ตัวเองหลงผิดมาเก็งกำไรครั้งใหม่.. โยนคอมพิวเตอร์ทิ้งไปนอกบ้านซะเลย แล้วลืมๆมันไปซะ… นี่เป็นสัญญาณที่กำลังบอกคุณว่า คุณกำลัง “จิตหลุด” แล้วหละครับ

จิตวิทยาการลงทุน

อะไรคือภาวะ “จิตหลุด”

ผมคิดว่าภาวะของอาการ “จิตหลุด” นั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณนั้นได้ยอมรับว่า “การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบการลงทุนและการเก็งกำไร” ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ แต่การขาดทุนที่สะสมติดต่อกันนั้น ได้ค่อยๆทำให้คุณสะสมความกดดันจนไปถึงจุดหนึ่งที่คุณนั้นไม่สามารถที่จะยอมรับมันได้อีกแล้วนั่นเองซึ่งภาวะอาการ “จิตหลุด” กะทันหันนี้ ทำให้คุณนั้นหน้ามืดและมองข้ามระบบการลงทุนของคุณไป และถูกแทนที่ด้วยอารมณ์จากผลการซื้อ-ขายในครั้งที่ผ่านๆมานั่นเอง และถึงแม้ว่าการ “เลิกเล่น” นั้นจะเป็นสิ่งเดียวที่ดูจะเหมาะสมในช่วงเวลาอย่างนี้ แต่อาการ “จิตหลุด” ของคุณนั้น อาจจะทำให้คุณทำในสิ่งที่คุณไม่คาดคิดไปตามอารมณ์ของคุณก็เป็นได้ และมันอาจเป็นไปอย่างนั้นจนถึงจุดๆหนึ่งซึ่งมันหมดหวังเต็มที จนทำให้คุณนั้นไม่สามารถรับมันได้อีกต่อไปและจำเป็นต้อง “เลิกเล่น” ไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม บทความนี้นั้นไม่ได้พยายามที่จะพูดถึงเรื่องของอารมณ์และการเก็งกำไรของคุณ หรือเกี่ยวกับเรื่องของความกลัวซึ่งคอยขัดขวางนักเล่นหุ้นหรืออะไรเทือกๆนั้น เพราะอย่างที่เรารู้ๆกันว่า อารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเก็งกำไรอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคุณต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมมัน หรือไม่เช่นนั้นคุณก็ต้องเลิกเก็งกำไรซะ

นี่เป็นบทความที่เกี่ยวกับการที่โดยปกติแล้วคุณนั้นสามารถที่จะควบคุมอารมณ์และสติของคุณในการเก็งกำไรได้เป็นอย่างดี แต่แล้วจู่ๆก็กลับมีบางสิ่งบางอย่างมาทำให้นักเล่นหุ้นอย่างเราๆเสียการควบคุมไป และเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั่นเอง ซึ่งผลจากการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดทุนซึ่งเกิดจากการแหกระบบของนักเล่นหุ้นเองนี่เองที่เป็นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นนี้

นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะกับนักเล่นหุ้นหน้าใหม่ หรือนักลงทุนระดับล่างๆ เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นกับนักเล่นหุ้นทุกคน ซึ่งไม่ว่าใครก็มีสิทธิที่จะต้องเจอกับช่วงเวลาที่ไม่ว่าเราจะทำอะไรไป ทุกอย่างก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปเสียหมด และนั่นทำให้เราเกิดการขาดทุนติดๆกันหลายๆครั้งขึ้นมา ดังนั้น นี่จึงเป็นสถานการณ์ซึ่งเกิดขึ้นได้กับนักเล่นหุ้นทุกคน เพียงแต่ว่านักเล่นหุ้นแต่ละคนแต่ละระดับนั้น จะมีการตอบสนองต่อภาวะเช่นนี้ต่างกันไป

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเจอกับภาวะเช่นนี้นักเล่นหุ้น นาย A. อาจจะเกิดความตื่นตระหนกอย่างรุนแรงและเกิดอาการ “จิตหลุด” ตามมาทันที ซึ่งทำให้เขารู้สึกเสียความมั่นใจของเขาไปและผลที่ตามมาก็คือการขาดทุนที่มากกว่าที่ได้คาดคิดเอาไว้อย่างมากมาย หรือในอีกทางหนึ่งนั้น นาย B. อาจจะเกิดความรู้สึกอยาก “เอาคืน” และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เนื่องจากเขามั่นใจว่ายังไงซะ การเก็งกำไรครั้งต่อไปของเขาจะสามารถทำให้เขากลับมาเท่าทุนเหมือนเดิมได้ แต่แล้วอาการ “จิตหลุด” นี้ก็ยังดังเนินต่อไปพร้อมกับการขาดทุนของเขา และทำให้เขาต้องสูญเสียเงินไปมากกว่าที่เขาได้คาดคิดเอาไว้แต่แรก.. แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จอย่างนาย C. ล่ะ เขาทำอย่างไรกับภาวะเช่นนี้?

จิตวิทยาการลงทุน

การควบคุมภาวะของอาการ “จิตหลุด” ในการเล่นหุ้น

เมื่อคุณลองคิดไตร่ตรองดูให้ดี คุณจะพบว่า “ทุกครั้งที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณได้เกิดขึ้นและคุณสุญเสียการควบคุมสติของคุณไป นั่นจะยิ่งทำให้อาการ “จิตหลุด” ในครั้งต่อไปของคุณเกิดขึ้นเร็วยิ่งกว่าเดิม” นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเวลาหนึ่งที่การเล่นหุ้นกลายเป็นสิ่งที่เจ็บปวดเกินกว่าที่คุณจะทนไหว ซึ่งทำให้คุณไม่อยากเล่นหุ้นอีกต่อไปนั่นเอง

เมื่อลองคิดและไตร่ตรองดูให้ดีอีกครั้ง คุณจะพบว่า “มันเป็นการดีกว่าที่คุณจะเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ในการเล่นหุ้นของคุณ แทนที่คุณจะตัดสินใจเลิกเล่นหุ้นไป” เนื่องจากการเลิกเล่นหุ้นเก็งกำไรนั้น ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะมันไม่ได้ช่วยป้องกันให้คุณไม่คิดที่จะกลับมาลองเก็งกำไรหรือเล่นหุ้นรอบใหม่อีกครั้ง และไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเมื่อคุณต้องเจอกับภาวะขาดทุนติดๆกันอีกครั้ง

ในการที่จะควบคุมสติของคุณให้ได้ ก่อนที่คุณจะเกิดอาการ “จิตหลุด” ขึ้นมานั้น คือการเอาชนะจิตใจและตัวตนข้างในของคุณให้ได้เสียก่อน คุณต้องทำมันและพาตัวเองกลับมาเดินอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง แล้วคุณจะได้กำไรชีวิตจากสิ่งที่คุณทำอย่างคาดไม่ถึง เพราะคุณจะรู้ว่าถึงแม้คุณจะต้องเจอกับช่วงเวลาที่โหดร้าย แต่คุณก็จะมั่นใจในตนเองว่าคุณจะข้ามผ่านมันไปได้ และสามารถควบคุมสติของคุณเอาไว้ได้จนไม่ต้องเกิดการขาดทุนที่มากมายอีกครั้ง

วิธีการง่ายๆที่จะช่วยคุณได้ คือให้คุณลองนำสิ่งที่คุณเชื่อว่าเป็นหลักหรือแก่นในการเก็งกำไรของคุณ มาเขียนลงในกระดาษโน้ทเล็กๆแปะไว้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณเอง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้คุณระลึกและตระหนักถึงมันอยู่ตลอดเวลา ทำให้สิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่ในจิตสำนึกของคุณอยู่ตลอดเวลา แทนที่มันจะไปฝังอยู่ในจิตไต้สำนึกของคุณจนลึกเกินไปนั่นเอง แต่จงระวังไว้ว่าทุกๆครั้งที่คุณได้เขียนโน้ทเอาไว้นั้น ขอให้แน่ใจว่าคุณกำลังเขียนแนวคิดลงไป ไม่ใช่วิธีการ จงอย่ายึดติดกับ”วิธีการ” จนเป็นการทำให้ปัญหาของคุณนั้นย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม

ยกตัวอย่างเช่น ลองคิดถึงช่วงเวลาที่อารมณ์ของคุณนั้นพลุ่งพล่านจากการที่คุณได้เกิดการขาดทุนติดๆกัน ภายในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไว้อยู่ในกรอบแคบๆดู แล้วลองเขียนโน้ทลงไปในลักษณะคำพูดแบบนี้ครับ

“อารมณ์บ้าๆนี้อาจจะมาจากการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วของเรา และการขาดทุนติดๆกันอย่างรวดเร็วนี้อาจมาจากการที่เราพยายามเล่นหุ้นในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆนี้ก็ได้ หรือเราอาจกำลังเล่นหุ้นบ่อยเกินไปก็ได้ และไม่มีอะไรที่ได้ผิดพลาดไปในระบบของเราหรอก ตราบใดที่เรายังเล่นหุ้นได้ตามระบบของเราอยู่ ทุกอย่างก็ยังคงปกติและเราก็ยังเล่นหุ้นได้ดีอยู่เหมือนเดิม”

เอาล่ะ หรือไม่คุณอาจลองเปลี่ยนเป็นประโยคอีกประโยคหนึ่ง ซึ่งเขียนออกมาในสถานการณ์เดียวกันดู

“อย่าเป็นไอ้โง่ที่เล่นหุ้นโง่ๆบ่อยเกินไปสิฟะ! เหมือนกับว่ากลัวที่จะขาดทุนในวันนี้เสียเหลือเกิน อย่าทำเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา ไม่งั้นเรื่องแบบนี้มันก็จะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ และไม่จำเป็นต้องรีบร้อนที่จะเล่นหุ้นเกินไปถ้ายังคิดจะเล่นในหุ้นแบบเดิมๆอีก”

จิตวิทยาการลงทุน

จงรักษา “สติ” ของคุณเอาไว้

“รักษาสติเอาไว้” คือประโยคต่อไปในกระดาษโน้ทของคุณ

อีกวิธีหนึ่งซึ่งคุณสามารถทำได้นั้น คือโดยการเขียนโน้ทซึ่งคุณพอจำได้ว่าก่อนที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณจะเกิดขึ้นนั้น ได้เกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ยกตัวอย่างเช่น หายใจเร็วขึ้น, เหงื่อออกเยอะ, บิดตัวไปมาอยู่บนเก้าอี้ หรืออาการนั่งไม่ลง และหลังจากที่อาการ “จิตหลุด” ของคุณเริ่มรุนแรงขึ้น เช่น โวยวาย, ขว้างปาสิ่งของ หรือทำลายข้าวของ จนในที่สุดเมื่อคุณเกิดเอาการ “จิตหลุด” แบบเต็มขั้นหรือการตื่นตระหนกอย่างสุดขีด

แน่นอนว่ามันคงจะมีลิสท์รายละเอียดของอาการที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวเหยียดเลยทีเดียว แต่การที่คุณสามารถที่จะตระหนักถึงมันได้เมื่อมันเกิดขึ้นมานั้น อาจช่วยให้คุณเริ่มที่จะสามารถควบคุมมันเอาไว้ได้ ก่อนที่มันจะควบคุมตัวของคุณแทนนั่นเอง

จิตวิทยาการลงทุน

คอยตระหนักอยู่ตลอดเวลา

คุณควรต้องรู้ถึงสิ่งที่มีศักย์ภาพที่จะก่อให้เกิดอาการ “จิตหลุด” ของคุณ มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการที่คุณจะยอมรับว่าตัวของคุณนั้นมี “อารมณ์” ข้องเกี่ยวอยู่เสมอ และจงอย่าพยายามที่จะมองข้ามมันไป หรือพยายามเก็บมันซ่อนเอาไว้เพราะคุณมองว่ามันคือสิ่งที่แสดงถึงความอ่อนแอของคุณ เพราะนี่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

คุณเป็นมนุษย์! มนุษย์ทุกคนมีอารมณ์ และอารมณ์จะเข้มข้นขึ้นเมื่อสถานการณ์ต่างๆนั้นเริ่มบีบคั้นขึ้นมา ดังนั้น คุณอาจไม่จำเป็นที่จะต้องรู้หรอกว่าคุณจะทำอะไรเมื่อคุณ “จิตหลุด” และสูญเสียการควบคุณขึ้นมา แต่คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ หรือจำให้ได้ว่าคุณจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้อาการ “จิตหลุด” นั้นเกิดขึ้นมาอีกครั้ง คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรที่จะช่วยให้คุณมี “สติ” อยู่เท่าที่คุณจะสามารถทำได้ ในช่วงเวลาแย่ๆของการเล่นหุ้นซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรจะช่วยให้คุณ “กลับมา” มีสติขึ้นอีกครั้ง

จิตวิทยาการลงทุน

แล้วนักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จนั้นทำอะไรบ้าง?

นักเล่นหุ้นที่ประสบความสำเร็จนั้น คือนักเล่นหุ้นที่สามารถที่จะควบคุม ”สติ” ไม่ว่าจะในสถานการณ์ที่เขามีกำไรหรือขาดทุน และมี “สติ” อยู่ในทุกๆเวลา การมี “สติ” นั้นเป็นส่วนสำคัญในการที่จะช่วยในการควบคุมอารมณ์ไม่ให้เกิดอาการณ์ “จิตหลุด “ ในการเล่นหุ้นขึ้นมา นักเล่นหุ้นที่ดีนั้นสามารถที่จะประเมิณการขาดทุนของเขาในรูปแบบของการเกิดขึ้นตามธรรมดาของระบบการลงทุน และนักเล่นหุ้นที่ดีนั้นจะสามารถเล่นหุ้นได้ตามระบบที่ดีของเขาได้ไม่ว่าจะต้องเจอกับช่วงเวลาเลวร้ายเพียงใด และถึงแม้พวกเขาจะเกิดการขาดทุนขึ้นมา พวกเขาก็จะเข้าใจว่ามันต้องเกิดขึ้น พวกเขายอมรับกับ “ความน่าจะเป็น” ที่มันจะต้องเกิดขึ้น และทำตามระบบต่อไป ซึ่งการซื้อ-ขายครั้งต่อไปนั้นอาจจะทำกำไรให้พวกเขาก็ได้

ขอบคุณเจ้าของบทความ : http://www.mangmaoclub.com

Dealing with Drawdowns : จัดการกับการขาดทุนของคุณให้ถูกวิธี


ตัดขาดทุน ห้ามเลือด

การขาดทุนอย่างหนักหรือการที่มูลค่าเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง (Drawdowns) เป็นสิ่งที่มีผลต่อจิตใจของนักเล่นหุ้นอย่างพวกเราแต่ละคนไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ผมเองเห็นว่าหลายๆคนมักที่จะหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับความจริง หรือแม้แต่คอยที่จะหลอกตัวเองเพื่อให้พ้นจากความรู้สึกแย่ๆอยู่เสมอ นี่เป็นสิ่งที่มีความอันตรายอย่างมาก และจะส่งผลต่อพฤติกรรมการเล่นหุ้นในวันข้างหน้า วิธีการต่อไปนี้จึงเป็นแนวทางเบื้องต้นที่จะช่วยให้คุณรู้จักรับมือกับการขาดทุนได้อย่างเหมาะสมกันยิ่งขึ้นครับ

1. ห้ามเลือดเสียก่อนเป็นอันดับแรก

คุณต้องกล้าตัดขาดทุนอย่างทันที! หรืออย่างน้อยต้องพยายามทยอยขาย และลดการถือหุ้นของคุณให้น้อยลงมาเสียก่อน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่พูดง่ายแต่ทำค่อนข้างยากอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในเวลาที่คุณต้องเผชิญกับสถานการณ์การขาดทุนอย่างหนัก (เพราะคุณจะหน้ามืดพอสมควร) แต่นี่ก็เป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำที่สุดเมื่อช่วงเวลาแบบนี้มาเยือน อย่าพยายามหาข้ออ้างกับตัวคุณเอง ในเมื่อสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นไม่เป็นอย่างที่คุณคิด คุณก็ควรต้องยอมรับความจริงให้ได้ … จริงไหมครับ?

2. รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และบอกให้ใครบางคนได้รับรู้

อย่าพยายามปกปิดมันเอาไว้ คุณต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของคุณเอง หรือรวมถึงคนอื่นๆที่คุณอาจกำลังรับบริหารพอร์ทการลงทุนของพวกเขาอยู่ การรายงานสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องทำอย่างเป็นทางการก็ได้ สิ่งสำคัญคือความจริงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ต่างหาก การทำเช่นนี้นั้นมีผลในแง่จิตวิทยาการลงทุนของคุณมากทีเดียวครับ เนื่องจากมันจะเป็นการบังคับให้คุณต้องยอมรับที่จะเผชิญกับความจริงไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ซึ่งจะเป็นผลดีในระยะยาวกับตัวของคุณเอง การได้ระบายให้ใครสักคนที่คุณไว้ใจได้รับรู้ (พ่อ, แม่, แฟน, น้อง, เพื่อน …หรืออื่นๆ) จะช่วยให้ไม่เกิดรอยแผลที่จะคอยย้ำอยู่ในจิตใจของคุณ ซึ่งสุดท้ายมันจะกลายเป็นสิ่งที่สร้างพฤติกรรมของคุณจากสิ่งที่คุณพยายามปิดบังอยู่ (เก็บกดนั่นเอง)

3. เผชิญหน้ากับการขาดทุน

โดยปกติแล้ว เมื่อสถานการณ์การขาดทุนเริ่มที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักเล่นหุ้นโดยส่วนใหญ่มักที่จะพยายามมองข้าม หรือหลีกเลี่ยงที่จะรับรู้ต่อการขาดทุนเหล่านั้น (เรามักจะหาเหตุผล หรือความเห็นต่างๆนาๆเพียงเพื่อที่จะทำให้เราไม่รู้สึกแย่ไปกับมัน) แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ได้ก่อประโยชน์อะไรเลยกับตัวของคุณเอง ซ้ำร้ายมันยังทำให้คุณไม่เกิดการพัฒนาใดๆขึ้นมาอีกด้วยในวันข้างหน้า เพราะมันคือการทิ้งโอกาสที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น สิ่งที่คุณควรทำหลังจากที่เกิดการขาดทุนหนักๆหรือต่อเนื่องขึ้นมา ก็คือการย้อนกลับไปเผชิญหน้ากับผลการลงทุนของคุณซะ อาจเป็นการย้อนดู Report ที่เกิดขึ้นสักเดือนหรือสองเดือนย้อนหลังไปก็ได้ และจดจำสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นเอาไว้ให้ชัดเจนที่สุด

4. ย้อนกลับไปทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

เมื่อคุณกล้าที่จะเผชิญกับความจริงที่เกิดขึ้นกับคุณได้แล้ว ให้คุณลองนั่งพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด จินตนาการกลับไปถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นตามลำดับ ว่ามีอะไรที่ผิดพลาดไปบ้าง ทั้งในแง่ของแผนการลงทุนหรือแม้แต่จิตใจและความนึกคิดของตัวคุณเอง คุณต้องพยายามระบุมันออกมาให้ได้ว่าสิ่งเหล่านี้แท้จริงแล้วเกิดขึ้นมาจากอะไร จงซื่อสัตย์กับตัวของคุณเองมากที่สุด คุณต้องไม่หลอกตัวเอง หลังจากนั้นคุณต้องรู้จักวางแผนเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดของคุณให้ดีที่สุด

pdsp-triangle-largeNote: อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณมองลงไปที่ระบบการลงทุน คุณต้องเข้าใจสภาพวะอย่างหนึ่งในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นเรื่องของความน่าจะเป็นอยู่ส่วนหนึ่ง อย่าตกเป็นเหยื่อของ Outcome Bias หรือผลการเทรดเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดการขาดทุนขึ้นได้บ้างเป็นเรื่องธรรมดา คุณควรที่จะมองไปที่ภาพใหญ่เมื่อคิดถึงระบบการลงทุนของคุณ (อย่างน้อยคุณควรจะสรุปผลหลังจากที่เกิดการซื้อขายไปแล้วมากกว่า 30 – 35 ครั้ง) ไม่เช่นนั้นสิ่งทีเกิดขึ้น จะกลายเป็นการพยายามไล่ล่าหา Holy Grail ซึ่งไม่มีอยู่จริง และการเปลี่ยนระบบการลงทุนไปๆมาๆ จะไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น!

5. พัฒนาและปรับปรุงแผนการปฏิบัติการในการเล่นหุ้นของคุณ

หากคุณค้นพบได้แล้วว่าสิ่งใดที่ทำให้เกิดความผิดพลาดหรือขาดทุนต่อเนื่องขึ้นมา คุณต้องสร้างแผนที่จะรับมือกับมันขึ้นมาอย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น หากว่ามันเป็นปัญหาที่เกิดจาก “วินัย” ของคุณเอง คุณจะทำอย่างไรกับมันบ้าง? แต่หากว่ามันเป็นปัญหาจากระบบการลงทุนของคุณ คุณจะทำอย่างไรกับมัน? คุณจะทิ้งมันไป … หรือคุณจะทำการวิจัยและทดสอบมันให้ลึกมากขึ้น? หรือหากว่ามันเป็นผลจากสภาพแวดล้อมภายนอกเช่น Platform การซื้อขายของคุณ คุณจะทำอย่างไรกับมัน?

นี่คือตัวอย่างของสิ่งต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ และคุณต้องเรียนรู้ที่จะปรับปรุงแก้ไขกับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่าปล่อยให้สิ่งต่างๆผ่านเลยไป หรือปล่อยให้มันเกิดขึ้นซ้ำๆ โดยที่คุณไม่ได้หาหนทางแก้ไขหรือรับมือกับมันเอาไว้นำปัญหาเหล่านี้มาคิดให้ตก และเขียนแผนรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นเอาไว้เสีย

สุภาสิตไทยบอกไว้ว่า “เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือ … (เจ้าฉงน)” นะครับ Open-mouthed smileอย่ามันแต่แก้ตัวหรือขอความปราณีจากตลาดไปเรื่อยๆ ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การไม่รู้จักแก้ไขความผิดพลาดต่างหาก ที่ทำให้ให้ทุกอย่างย่ำแย่ลงไป รีบแก้ไขเสียก่อนจะไม่เหลืออะไรให้แก้นะครับ ขอให้โชคดีทุกคนครับ

ขอบคุณบทความดี ๆ จาก http://www.mangmaoclub.com

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

วิเคราะห์กราฟรายวัน

ห่างหายจากการอัพเดทบล็อกมาเป็นอาทิตย์เลย มัวแต่ลุ้นกราฟ หลังจากติดดอยมาเป็นอาทิตย์ สุดท้ายก็ไม่รอดอีกครั้งนึงครับ ไม่เป็นไร บทเรียนนี้ทำให้เราเห็นอะไร ที่ผิดพลาดเยอะ ก็คงต้องพัฒนา ปรับปรุงกันต่อไปครับ ถามว่าท้อไหม ผมบอกเลยว่า ผมไม่ท้อ และไม่ถอยเด็ดขาด หนทางมีไว้ให้ฝ่าฟัน เป็นเรื่องที่น่าค้นหา และท้าทายสำหรับผมมาก ๆ และผมเชื่อว่า ผมจะต้องทำมันให้ได้….

เอาละ วันนี้วันอาทิตย์ เลยมีเวลามานั่งดูกราฟ ว่าเกิดอะไรขึ้นจากที่ผ่านมา แล้วอาทิตย์หน้าจะเป็นอย่างไร อธิบายไม่เป็น ดูรูปเลยแล้วกันครับ…อิอิ

eu-12092554

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

นานแสนนาน

หลังจากที่เปิดออร์เดอร์ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มาอาทิตย์นี้ก็ยังไม่สามารถปิดได้เลย แถมยังจะลงต่อไปได้อีก ขืนเป็นแบบนี้ตายอย่างเดียวเลย ไหน ๆ เราก็ปล่อยมาขนาดนี้แล้ว ก็คงไม่มีอะไรจะเสีย ปล่อยให้กราฟมันวิ่งของมัน ดูสิว่ามันจะยังวิ่งทางเดิมหรือเปล่า ขืนวิ่งทางเดิม คงตายสถานเดียวครับ ใจจริงก็อยากให้มันเปลี่ยนทางได้แล้วน่ะครับ เพราะมันลงมาเยอะแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมค่าเงินยูโร มันเน่าได้ขนาดนี้ อะไรทำให้เป็นแบบนี้….

ในช่วงที่รอปิดออร์เดอร์ที่ค้าง เมื่อวานนี้ก็ฝากเงินเข้าอีก $200 หรือ 7,200 บาท (คิดที่ 36 บาท/ดอลล่าห์) แต่ฝากเข้าอีกแอคเค้าท์ เป็นบัญชี Standard ของ FXOpen ซึ่งเป็นบัญชีหลัก และผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งครับ ว่าจะทำให้พอร์ตนี้เติบโตให้ได้ สู้โว้ยยยยย….

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

การรอคอยที่แสนยาวนาน

ไม่ได้อัพเดทมาเป็นอาทิตย์เลยทีเดียวเชียว เพราะตั้งแต่วันจันทร์มา ผมก็จัดบายไปสามไม้ ตรงยอดดอยโน่นเลย แล้วกราฟมันก็ร่วงเอา ๆ ทำท่าจะดีด แต่ก็ไม่เป็นผล ดันร่วงลงไปอีก เอาไงดีหว่าเรา ตะลึงครับพี่น้อง ทำอะไรไม่ถูก ประมาณช่วงกลางสัปดาห์ ก็มานั่งไล่กราฟดู ทำไมเราไม่ชอตลงมาตามกราฟน่ะ ทำไมต้องรอให้มันขึ้นมาปิดอย่างเดียว แทนที่จะชอตเติมจิ้นไปเรื่อย เออ…แปลกมั้ย ทำไมต้องรอ นั่นนะสิ ผมถามตัวเองตลอด ว่าทำไม ทำไมไม่ปิด ทำไมไม่คัทลอส ทำไมไม่ชอตลงมาตามกราฟ ทำไม  ทำไม ๆๆๆ นั่นสิทำไม ใครรู้ช่วยบอกทีครับ….

สำหรับอาทิตย์นี้ก็คาดหวังอีกเช่นเคย ว่ากราฟมันจะกลับทางมาเป็นขาขึ้นสักที ….

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทฤษฎีดาว - Dow Theory

ทฤษฎีดาวถูกคิดค้นขึ้นโดยนายชาร์ลส์ เอช ดาว (Charles H. Dow) ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งการวิเคราะห์ทางเทคนิค เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว แต่กฏ และหลักการของดาว ยังคงใช้ได้ตราบจนถึงปัจจุบัน หลักการนี้มิได้พูดถึงเพียงการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ การเคลื่อนที่ของราคาหุ้น แต่สิ่งนี้ถือเป็นปรัญญาของตลาดหุ้น ที่อธิบายถึงพฤติกรรมของตลาดหุ้นที่ยังคงเหมือนเดิม เกิดขึ้นซ้ำๆเฉกเช่นเดียวกัน กับตลาดหุ้นเมื่อ 100ปีที่แล้ว

ดาว ได้พัฒนา การวิเคราะห์ตลาดหุ้น จนเกิดเป็นทฤษฏีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จนกระทั่งเขาได้เสียชีวิตในปี 1902 ซึ่งเขาเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของ และเป็นบรรณาธิการของ หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal แม้ว่าเขาจะไม่ได้เขียนหนังสือของตัวเองก็ตาม แต่เขาก็ได้เป็นบรรณาธิการให้กับหนังสือ หลายเล่มในการ ให้ความเห็นด้านการเก็งกำไร และ กฎ industrial average
หลังจากที่ดาวเสียชีวิตแล้ว ก็มี หนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับทฎษฎีของเขามากมายเช่น The ABC of Stock Speculation, The Stock Market Barometer เป็นต้น

ทฤษฎีดาว (Dow Theory)

ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 1 – สะสม
ฮามิลตัน (Hamilton) กล่าวไว้ว่าในช่วงแรกของตลาดขาขึ้นมักจะไม่แตกต่างจากตลาดในช่วงขาลง เพราะคนส่วนยังมองในแง่ลบและทำให้แรงซื้อยังคงชนะแรงขายในช่วงแรกของขาขึ้น ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ไม่มีใครถือหุ้น ประกอบกับไม่มีข่าวดี ทำให้ราคาประเมินของหลักทรัพย์ถึงจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาเช่นนี้เป็นช่วงที่ผู้ที่ลงทุนอย่างฉลาดจะเริ่มสะสมหุ้น และเป็นช่วงที่ผู้ที่มีความอดทนและใจเย็นพอที่จะเห็นประโยชน์ของการเก็บหุ้นไว้จนกระทั่งราคาดีดกลับ บางครั้งหุ้นมีราคาถูก แต่กลับไม่มีใครต้องการ ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ วอเรน บัฟเฟท ได้กล่าวไว้ในช่วงฤดูร้อนของปี 1974 ว่าตอนนี้ได้เวลาที่จะซื้อหุ้นแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ
ในระยะแรกของตลาดขาขึ้น ราคาหุ้นจะเริ่มเข้าใกล้จุดต่ำสุด แล้วค่อยๆยกตัวขึ้น เมื่อตลาดเริ่มกลับตัวขึ้น คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าตลาดกำลังจะปรับตัวขึ้น และเป็นการเริ่มต้นของขาขึ้น หลังจากตลาดยกตัวสูงขึ้นและดิ่งกลับลงมา จะมีแรงขายออกมา เป็นการบอกว่าขาลงยังไม่สิ้นสุด ในช่วงนี้เองที่จะต้องวิเคราะห์อย่างระมัดระวังว่าการปรับตัวลงมีนัยยะสำคัญหรือไม่ หากไม่มีนัยยะสำคัญ จุดต่ำสุดของการลงจะยกสูงขึ้นจากจุดต่ำสุดเดิม สิ่งที่ตามมาคือตลาดจะเริ่มสะสมตัวและมีการแกว่งตัวน้อย หลังจากนั้นจึงเริ่มปรับตัวสูงขึ้น และหากราคาเคลื่อนขึ้นเหนือจุดสูงสุดเดิม จะเป็นการยืนยันถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น

ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 2 – การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
ขั้นที่ 2 มักจะเป็นช่วงที่มีระยะเวลานานที่สุด และมีการปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด ระยะเวลานี้จะเป็นช่วงที่กิจการต่างๆเริ่มฟื้นตัว มูลค่าหลักทรัพย์จะเพิ่มขึ้น รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ช่วงนี้จึงถือได้ว่าเป็นช่วงที่สามารถทำกำไรได้ง่ายที่สุด เพราะมีผู้เข้ามาลงทุนตามแนวโน้มของตลาดมากขึ้น

ตลาดขาขึ้น – ขั้นที่ 3 – เกินมูลค่า
ระยะที่ 3 ของตลาดขาขึ้น เป็นระยะที่มีการเก็งกำไรมากเกินไป ทำให้เกิดภาวะตลาดเฟ้อ (ดาวได้คิดทฤษฎีนี้ขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน แต่เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงเป็นเรื่องที่คุ้นเคยในปัจจุบัน) ในขั้นสุดท้ายนี้ ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมในตลาด ค่าที่ประเมิน สูงเกินไป และความมั่นใจมีมากเกินปกติ จึงเป็นช่วงที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนกลับของขั้นที่ 1

ตลาดขาลง – ขั้นที่ 1 – กระจาย
เมื่อการสะสมเป็นขั้นที่ 1 ของขาขึ้น การกระจายก็คือขั้นแรกของขาลง นักลงทุนที่ฉลาด จะไหวตัวทันว่าธุรกิจต่างๆ ในปัจจุบันไม่ได้ดีอย่างที่เคยคิด และเริ่มขายหุ้นออก แต่คนอื่นๆยังคงอยู่ในตลาดและยังพอในที่จะซื้อในราคาที่สูง จึงเป็นการยากที่จะบอกว่าตลาดกำลังเข้าสู่ขาลง อย่างไรก็ตาม จุดนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการกลับตัว
เมื่อตลาดปรับตัวลง คนส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อว่าตลาดเข้าสู่ขาลง และยังมองตลาดในแง่ดี ดังนั้นเมื่อตลาดปรับตัวลงพอประมาณ จึงมีแรงซื้อกลับเข้ามาเล็กน้อย ฮามิลตันกล่าวว่าการกลับตัวขึ้นในช่วงขาลงนี้จะค่อนข้างรวดเร็วและรุนแรง ดังเช่นที่ฮามิลตันได้วิเคราะห์ไว้เกี่ยวกับการกลับตัวที่ไม่มีนัยยะสำคัญนี้ ว่าส่วนที่ขาดทุนไปจะได้กลับคืนมาในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันหรือสัปดาห์ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเช่นนี้เป็นการตอกย้ำว่าขาขึ้นของตลาดยังไม่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม จะสูงสุดใหม่จะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเดิม และหลังจากนั้น หากราคาทะลุผ่านจุดต่ำสุดเดิม นั่นจะเป็นการยืนยันถึงขั้นที่ 2 ของตลาดขาลง

ตลาดขาลง – ขั้นที่ 2 – การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
เช่นเดียวกับตลาดในขาขึ้น ขั้นที่ 2 เป็นขั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงของราคามากที่สุด ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่แนวโน้มเด่นชัดและกิจการต่างๆเริ่มถดถอย ประมาณการณ์รายได้และกำไรลดลง หรืออาจถึงขาดทุน เมื่อผลประกอบการแย่ลง แรงขายจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ตลาดขาลง – ขั้นที่ 3 – สิ้นหวัง
ณ จุดสูงสุดของตลาดขาขึ้น ความคาดหวังมีมากจนถึงขั้นมากเกินไป ในตลาดขาลงขั้นสุดท้าย ความคาดหวังทั้งหมดหายไป มูลค่าที่ประเมิน ต่ำมาก แต่ยังคงมีแรงขายอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกคนในตลาดพยายามที่จะถอนตัวออก มีข่าวร้ายเกี่ยวกับธุรกิจ มุมมองเศรษฐกิจตกต่ำ จึงไม่มีผู้ใดต้องการซื้อ ตลาดจะยังคงลดต่ำลงจนกระทั่งข่าวร้ายทั้งหมดได้ถูกซึมซับแล้ว เมื่อราคาสะท้อนถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆแล้ว วัฐจักรก็จะเริ่มต้นอีกครั้ง

บทสรุปของทฤษฎีดาว
จุดประสงค์ของดาวและฮามิลตัน คือ การหาจุดเริ่มต้นของแนวโน้ม และ สามารถจับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ได้ พวกเขารู้ดีว่าตลาดถูกขับเคลื่อนโดยอารมณ์ของตลาดและการเกิดปฏิกิริยาเกิน (Overreaction) จริงทั้งในด้านบวกและลบ พวกเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่การมองหาแนวโน้มและเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้ม แนวโน้มจะยังคงอยู่จนกระทั่งสามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดถึงแนวโน้มใหม่
ทฤษฎีดาวช่วยให้นักลงทุนเรียนรู้ข้อเท็จจริง ไม่ใช่ตั้งข้อสมมติฐานและคาดการณ์ล่วงหน้า การตั้งข้อสมมติฐานเป็นสิ่งที่อันตรายสำหรับนักลงทุน เพราะการคาดเดาตลาดเป็นเรื่องยาก ฮามิลตันเองยอมรับว่าทฤษฎีดาวนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ในขณะที่ทฤษฎีดาวสามารถให้เป็นพื้นฐานในการวิเคราะห์ ทฤษฎีนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาแนวทางการวิเคราะห์ของนักลงทุน
การอ่านเกมตลาดเป็นศาสตร์ที่ได้จากประสบการณ์ตรงจากตลาด ดังนั้นกฎของฮามิลตันและดาวจึงมีข้อยกเว้น พวกเขามีความเชื่อว่าความสำเร็จเกิดจากการศึกษาที่จริงจังและการวิเคราะห์ที่มีทั้งความสำเร็จและความผิดพลาด ความสำเร็จเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่าหลงระเริง ขณะเดียวกัน ความผิดพลาด ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่จะให้บทเรียนที่มีค่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นศิลปะอย่างหนึ่งซึ่งสามารถพัฒนาได้โดยการฝึกฝน เรียนรู้ทั้งจากความสำเร็จและล้มเหลวด้วยการมองไปข้างหน้า

ที่มา : http://greenday-forex.blogspot.com

$50 Project–Update 29/8/54

อัพเดทผลงานวันนี้กันครับ เพิ่งได้ปิดออร์เดอร์ที่ค้างไว้หลายวัน ปิดไปทั้งที่มันติดลบ ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะคำนวนดูแล้ว ก็ยังได้กำไรอยู่  วันนี้ก็เลยเปิดไปอีก 3 ไม้ ผลงานเป็นที่น่าพอใจครับ ไปดูผลงานกันเลยครับ

8-29-2011-order

8-29-2011-balance

วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project–Update 27/8/2554

หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ ก็มีออร์เดอร์ค้างมาจากเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ช่วงเช้าก็มีอบรมในตัวจังหวัด เลยไม่ได้เปิดเน็ตดูเลย หลังจากเลิกประชุม กลับมาถึงบ้านประมาณ 5 โมงเย็น ก็รีบเปิดคอมดู ป้าดดดด กราฟมันวิ่งลงอีกแล้วครับ ยิ่งช่วงประมาณ  3 ทุ่ม กราฟก็วิ่งลงสุด ๆ ประมาณ 80 pipe ได้ พอเห็นมันทำหางยาวที่กราฟราย 15 นาที ผมก็เปิดออร์เดอร์บายอีกไม้ คาดว่ามันจะขึ้นแน่ ๆ ที่ไหนได้ มันกลับลงต่ำเรื่อย ๆ จนต่ำกว่าหางยาวก่อนหน้า กระนั้นผมก็ยังมั่นใจว่ามันจะต้องขึ้นแน่ เพราะว่ากราฟรายชั่วโมงแท่งยาวมาก ๆ ปกติมันจะต้องขึ้นไปอย่างน้อยก็ครึ่งแท่งยาวแน่ ๆ พอกราฟราย 30 นาที มีแท่งเทียนพินบาร์เกิดขึ้น ผมก็ซัดบายไปอีกไม้ มันก็ลงมานิดนึง แล้วที่นี้ก็ถึงทีเราครับ มันก็ขึ้นไป จนพอใจ ผมก้อปิดออร์เดอร์ ส่วนออร์เดอร์ที่ค้างก็ปิดไปได้บางส่วน ยังคงเหลืออีก 4 ไม้ ซึ่งคาดว่าอาทิตย์หน้า น่าจะขึ้นไปปิดได้ครับ ส่วนผลงานก็ตามภาพครับ แล้วมาลุ้นกันอาทิตย์หน้าครับ

8-26-2011-order

8-26-2011-balance

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วันที่แสนยาวนาน….

กับออร์เดอร์ที่ค้างเมื่อวาน มาวันนี้ก็ยังไม่สามารถปิดได้เลยครับ ทำท่าจะขึ้นมาให้ปิด แต่ก็ยังไม่ถึง ผันผวนจริง ๆ เลย ขึ้น ๆ ลง ๆ จากการลากเส้นจุดต่ำสุดเก่าไปจุดต่ำสุดใหม่ และลากจากจุดสูงสุดเก่า ไปจุดสูงสุดใหม่ ทำให้เกิดรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร และกราฟก็ยังวิ่งขึ้นลงอยู่ในกรอบสามเหลี่ยม ก็คงต้องรอดูว่าท้ายที่สุดแล้ว มันจะทะลุล่าง หรือทะลุบน แต่ใจผมก็อยากให้ทะลุบน เพราะว่าเข้าบายไว้นั่นเอง ….เหอๆๆๆ มาลุ้นกันต่อครับ ว่าจะปิดได้หรือไม่

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project– Update 24/08/2554

อัพเดทผลงานรวบยอดทีเดียวเลย อันนี้เป็นออร์เดอร์ที่ปิดไปแล้วครับ

8-24-2011-order

ส่วนข้างล่างนี้เป็นออร์เดอร์ที่ยังติดอยู่ครับ รอกราฟมันขึ้นมาให้ปิด ไม่รู้จะขึ้นมาได้หรือเปล่า

8-24-2011-balance

พรุ่งนี้มาดูกันว่าจะปิดได้มั้ย….

คิดถึงกันมั้ย ????

ไม่ได้มาอัพเดทนาน จะมีใครคิดถึงไหมหนอ งานเยอะไปหน่อย บางวันก็ไม่ได้เทรดเลย แต่ก็ยังชะแว้บมาดูกราฟบ้าง มาวันนี้ ได้โอกาสลางาน เลยได้มีเวลาเล่นทั้งวัน พอใจกับผลงานวันนี้ครับ แต่ว่ายังมีความโลภอยู่ เลยจัดไปอีก 4 ไม้ ยังลุ้น ๆ อยู่ว่าจะไปถึงเป้าหรือเปล่า ถ้าปิดได้ จะเอาผลงานมาให้ชมครับ ตอนนี้ขอตัวไปลุ้นกราฟก่อนครับ…

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project – Update 19/08/54

ผลงานวันนี้ครับ ทั้งวัน เพิ่งได้มีโอกาสเข้าออร์เดอร์เมื่อช่วงค่ำ เป็นเพราะเตรียมข้อมูลการประชุม และอีกอย่าง เป็นวันศุกร์ด้วย กราฟมักจะมีอาถรรพ์ให้เห็นกันบ่อย ๆ คือประมาณว่า ขึ้น ๆ ลง  ๆ เลือกทางไปไม่ได้ ซึ่งถ้าคนขวัญอ่อน อาจตายคาที่ได้เลย…เหอๆๆๆ

8-19-2011-order

8-19-2011-balance

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project – Update 18/08/2554

แวะมาอัพเดทสักหน่อย หลังจากที่ห่างหายไป 2 วัน เพราะมัวแต่ยุ่งกับการจัดเตรียมเอกสารในการประชุม แต่ก็ยังมีเวลามาเทรดเล็ก ๆ น้อย ๆ วันนี้ดูเทรนง่ายหน่อย เข้ายังไงก็ถูกทาง ขอให้เป็นแบบนี้ตลอดเถอะ แต่ปกติแล้วกราฟชอบหนีเวลาเราเข้าออร์เดอร์ทุกที เข้าอีกทาง กราฟก็วิ่งไปอีกทาง (ฮา) อันนี้เป็นผลงาน 2 วันที่ผ่านมาครับ สักวันจะต้องโตให้ได้

8-18-2011-order

8-15-2011-order2

ออร์เดอร์หลังนี้ ว่าจะไม่เทรดแล้วเชียว แต่พอเห็นรูปแบบกราฟแล้วอดใจไม่ไหว เลยเปิดไปอีก 3 ไม้ เนื่องจากเป็นเทรนลง แต่มีพินบาร์ เลยเข้าบาย ไม้แรกตั้ง sl ไว้ที่หางพินบาร์ ส่วนไม้ที่เหลืออีก 2 ไม้ไม่ได้ตั้ง SL เพราะคิดว่ามันอาจจะลงมาที่หาง แล้วพุ่งขึ้นไป แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ครับ ลงมากิน SL ไม้แรก แล้วก็พุ่งขึ้นไปชน TP อีกสองไม้ ก็เลยได้กำไรเพิ่มมาอีกนิดหน่อย…อิอิออิ

8-18-2011-balance

วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project – Update 15/08/2554

เปลี่ยนหัวข้อจะดูเข้าใจง่ายหน่อย ผลงานการเทรดวันที่ 15 สิงหาคม 2554 ครับ วันนี้เข้าเทรดเยอะหน่อย เข้าออร์เดอร์ทิ้งไว้ โดยตั้ง TP ไว้ แล้วก็ไปทำธุระ กลับมายังวิ่งไม่ถึง TP เลย เลยปิดไปซะก่อน ถือคติที่ว่า ปิดตอนได้กำไรแม้เพียงเล็กน้อย ดีกว่าช้ำใจไปปิดตอนขาดทุน…อิอิ

8-15-2011-order

8-15-2011-balance

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project – Day 5

มาอัพเดทผลงานช่วงสุดสัปดาห์หน่อยครับ พยายามตั้งใจจะไม่โลภ น้อย  ๆ แต่เก็บไปเรื่อย ๆ ยังไงจะพยายามตั้งใจทำผลงานให้ดีครับ

8-14-2011-order

8-14-2011-balance

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ

วันนี้ถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของคนไทยเราครับ นั่นก็คือวันแม่แห่งชาติ นั่นเอง อย่าลืมไปกราบแม่ ขอพรจากท่าน และก็อวยพรให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ อยู่กับเราไปนาน ๆ น่ะครับ สำหรับท่านที่เป็นนักเทรด วันนี้ก็ไปขอพรจากแม่ ให้เก็บได้แต่เขียว ๆ น่ะครับ…อิอิอิ

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project – Day 4

แวะอัพเดทผลงาน 2 วันที่ผ่านมาครับ ลองเล่นทองไปไม้นึง มันชวนให้น้ำลายไหลจริง ๆ อิอิอิ….ยอดเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ ก็ตั้งใจว่าจะพยายามเก็บเล็กผสมน้อย ค่อยๆ ไป ไม่วู่วาม ไม่โลภ ก็ต้องดูกันระยะยาวล่ะคับ ว่าจะไปถึงไหน

8-11-2011-order

8-11-2011-balance

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project – DAY3

ขอยึดวันนี้เป็นวันที่ 3 ของการรายงานผลสำหรับโครงการปั้นเงิน $50 หลังจากที่ชอตเมื่อวันศุกร์ แต่แล้วกราฟก็ไม่ยอมลงมาให้ปิดสักที แต่จากที่ดูกราฟที่ TF ใหญ่ ก็มองเห็นว่ามันจะต้องลงมาแน่ เลยกัดฟันถือออร์เดอร์รอ ในที่สุดวันจันทร์มันก็ลงมาให้ปิดจนได้ครับ ก็เก็บเล็กเก็บน้อยคับ ไม่มากมายอะไร แต่ก็ถือว่าไม่ขาดทุน ก็ดีใจครับ พยายามห้ามตัวเองว่าไม่โลภ…(ไม่รู้จะห้ามได้นานแค่ไหน ฮา)

8-8-2011

8-8-2011-balance

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

$50 Project UPDATE 06/08/54

รอัพเดทผลงานสักหน่อย ส่งท้ายไม่ค่อยสวยเลยครับ เพราะว่าไม่สามารถปิดออร์เดอร์ได้ ทั้งที่กราฟได้ลงมาให้ปิด แต่ว่ายังไม่ถึงเป้าที่วางไว้ ก็เลยไม่ได้ปิด สักพักมันก็เด้งขึ้นไป เพราะว่าผมไปมองภาพเล็กเกินไป ดูแต่ไทม์เฟรมเล้ก ๆ ก็คิดว่าจะลง ก็เลยจัด Sell ไปหลายดอกเลยครับ พอกลับไปดูที่ไทม์เฟรมใหญ่กว่า ทำให้รู้ว่าเราไม่น่ารีบร้อนเข้าเลย ไม่ดูให้ดีเสียก่อน ซึ่งวันศุกร์ จากกราฟ ถ้าลากเทรนไลน์กราฟ 1H จะเห็นว่ากราฟมันวิ่งขึ้นมาเกือบจะชนเทรนไลน์แล้ว ซึ๋งถ้ามองตรงนี้ผมว่าอาทิตย์หน้า น่าจะดิ่งลงแล้วล่ะครับ เพราะกราฟมาทำไฮใหม่ แล้ว น่าจะลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งหากกราฟยังขึ้นไปได้อีก ก็ต้องรอว่าจะสามารถทะลุจุดสูงสุดเดิมได้หรือเปล่า ถ้าไม่ทะลุ แน่นอนว่ามันจะต้องลงมาทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่ถ้าทะลุไปได้ น่าจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้นล่ะคับงานนี้…เหอๆๆๆ แต่ยังไง ผมก็ยังรออยู่ข้างล่างน่ะครับ อิอิอิ

8-6-2011

วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รายงานผลครั้งแรก กับโปรเจคปั้นเงิน $50

8-4-2011 11-52-47 PM

8-5-2011-balance

เพิ่งได้มีโอกาสมาอัพเดทผลงาน รวบยอดหลายวันเลยคับ สรุปยังขาดทุนอยู่ 28.50 cent จะพยายามมารายงานให้ได้ทุกวันครับ ก็คงจะต้องเน้นทุกออร์เดอร์ล่ะคับ

วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง กับเป้าหมายเดิม

หลังจากล้มลุกคลุกคลานมาพอสมควร ได้เวลาที่จะยืนหยัดสู้กันใหม่ล่ะคับ กับทุน $50=1800฿ เริ่ม 1 สิงหาคม 2554 มาลุ้นกันว่าจะไปถึงฝั่งหรือเปล่า สู้ ๆ

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เป้าหมายที่ไกลสุดเอื้อม

และแล้วเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ก็ไม่สามารถไปถึงได้ครับ เจอวันศุกร์อาถรรพ์อีกแล้ว แกลังพุ่งให้เราตาม แล้วมันก็กลับลำซะงั้น หมดหน้าตักเลยครับเซ็งเลยงานนี้ ไม่ยอมแน่ แล้วเจอกัน….

7-22-2011

7-22-2011-balance

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วันแห่งความช้ำ

หลังจากสัปดาห์ที่แล้วทำกำไรไปได้ 30$ กว่า ๆ พอเริ่มสัปดาห์นี้ วันจันทร์ก็เสียไป 20$ กว่า พอมาวันอังคาร ตั้งใจจะเอาคืนให้ได้ แต่แล้วก็โดนไปอีกร่วม 50$ กว่า ๆ สรุปแล้วเสียทั้งกำไร ทั้งทุน ร่วม 80$ …เฮ้อ !!! เหลือไว้เพียง 44 เซน เท่านั้นเอง เซ็งตัวเองจริง ๆ ….เอาว่ะ ปั้นจาก 44 เซนนี่แหล่ะว่่ะ มาสู้กันหน่อยสิ

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ผลงานบัญชีจริง-13/07/54

หลังจากที่เริ่มปล่อยให้อีเอทำงาน แต่ว่าก็ทำไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากผมเองคอยปิดมือแทนอยู่เรื่อยเลย (ฮา) ก็มันเสียวนี่นา….มาลองบัญชีจริง ไม่เหมือนเดโมเลย เสียวได้ใจจริง ๆ

trader

ตอนนี้ก็เก็บกำไรไปได้ 10$ หลังจากที่ทดสอบการทำงานของอีเอ ก็มีการปรับตั้งค่าใหม่ เก็บสั้น ๆ พอครับ แล้วจะมารายงานผลวันหน้าครับ

วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ทดสอบระบบอีเอ RangeLagMA

ห่างหายจากการอัพเดทบล็อกไปนานเลยครับ มัวแต่นั่งมองกราฟทั้งวัน (ฮา) เดือนนี้ทั้งเดือนสมัครแข่งเทรดไปหลายที่เลยครับ ผ่านไป 7 วัน เกือบล้างไปแล้ว 2 ที่ (ฮา) จัดหนักไปหน่อย…

มาเข้าเรื่องดีกว่า หลังจากที่ได้ทดสอบอีเอ ที่ชื่อ RangeLagMA ซึ่งผ่านไปเจอมาจากบอร์ดต่างประเทศ เห็นว่าน่าสนใจดี เลยนำมาลองกับตัวเดโม ด้วยทุน 50000 เซน เริ่มทดสอบ 20/6/54 ถึงวันนี้ 7/7/54 เก็บกำไรไปได้ 30000 เซน แล้วครับ กำไรงามเลยทีเดียว ก็เลยถือโอกาสทดสอบด้วยเงินจริง ด้วยความใจดีจากพี่ท่านนึง ที่ให้ทุนมาทดลองระบบ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ก็มีการปรับแต่งค่านิดหน่อย เพราะว่าของจริง ต้องพยายามเซฟให้มากที่สุด เริ่มรันอีเอ วันนี้เองครับ แล้วจะมารายงานผลเรื่อย ๆ ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อัพเดทผลงาน-30/06/2554

30-6-2554

หลังจากที่ทำกำไร+ทุนหายไป วันนี้ก็ตีกลับมาคืนได้ล่ะครับ แต่ได้ทุนคืนมากับกำไรอีกนิดหน่อยครับ คงต้องสู้กันต่อไปครับ เป้าหมายมีไว้พุ่งชน!

วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อัพเดทผลงาน-27/06/2554

วันนี้ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ เทรดได้มา $20 กว่า พอใจล่ะครับวันนี้ ตามไปชมกันเลยครับ

27-6-2554

ตีกำไรที่เสียไปอาทิตย์ที่แล้วได้มาบ้างแล้ว ยังขาดอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้ลุยกันใหม่ Forex เอ๋ย

อัพเดทผลงานสุดสัปดาห์-24/06/2554

เก็บกำไรมาได้เกือบอาทิตย์ เจออาถรรพ์วันสุดท้ายนี่เอง กำไรที่เก็บได้ หายวับเลย ยังดี ที่ทุนไม่จมไปด้วย อาทิตย์ลุยกันใหม่ Forex เพื่อนข้า…ผลงานก็ตามภาพล่ะครับ เจอหนัก ๆ ไป $26 เล่นซะปวดตับเลย….5555

230654-240654

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เป้าหมายในการเทรด Forex

วันนี้เอาเป้าหมายในการเทรดในแต่ละวันมาลง เพื่อช่วยย้ำเตือนว่า เราทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือยัง ถ้ายังติดตรงไหน จะได้เอาไปทบทวน เพื่อทำให้ได้ตามเป้าต่อไปครับ เล็ก ๆ น้อยครับ ทำให้ได้วันละ $10 ครับ แต่ก็ไม่ง่ายเลย แล้วมาดูกันว่าผมจะทำได้หรือเปล่าครับ ว่าแล้วก็ชะแว้บไปนั่งดูกราฟต่อก่อนล่ะ

Target

อัพเดทผลงาน 3 วันแรก

หลังจากได้งบมาลงทุน $100 ก็เลยตั้งใจว่าจะทำให้เต็มที่ จะพยายามเข้าเมื่อมั่นใจ วันนี้เลยถือโอกาสเอาผลงานของ 3 วันแรก มาลงครับ เริ่มเทรด 17/6/2554

170654-210654

170654-210654-chart

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ระบบเทรด Darkonix

หลังจากท่องเว็บไปศึกษาหาความรู้การเทรด ก็ไปเจอระบบเทรดระบบหนึ่ง เจ้าของระบบชื่อ darkonix เป็นระบบที่น่าสนใจมาก เนื่องจากดูแล้วไม่ซับซ้อนอะไร แล้วมีระบบตั้ง และเลื่อน Stop Loss อัตโนมัติด้วย โอ้ว นี่แหล่ะที่หามานาน หลังจากลองมาสักพัก ก็ติดใจ เรามีหน้าที่แค่เปิดออร์เดอร์ เสร็จแล้วระบบก็จะตั้ง stop loss ให้อัตโนมัติตามที่เราตั้งไว้ว่าจะตั้งไว้ที่เท่าไหร่ ซึ่งถ้าราคาวิ่งไปตามที่เราเทรด ระบบก็จะเลื่อน stop loss อัตโนมัติ หรือถ้าไม่ต้องการให้ระบบตั้งและเลื่อนอัตโนมัติ เราก็สามารถตั้งด้วยตนเองก็ได้ ตามความพอใจ ว่าแล้ว ก็ไปดูหน้าตาของระบบที่ว่ากันเลยครับ

system

ระบบนี้เจ้าของระบบ เขาบอกว่า เหมาะกับคู่เงิน EU ใช้ TF 15M เข้าออกโดยดูสัญญาณสีเป็นหลัก สีเขียว ก็ Buy สีแดง ก็ Sell ง่าย ๆ เลยครับ ส่วนอินดี้ทางขวามือ จะบอกเวลา และข่าวต่าง ท่านใดสนใจ ลองศึกษา และดาวน์โหลดได้ที่หน้าของเจ้าของระบบเขาได้เลยครับ ตามนี้ครับ

http://www.forex-tsd.com/manual-trading-systems/28016-money-making-manual-trading-system.html

กลับมาเริ่มอีกครั้ง

ห่างหายจากการอัพเดทบล็อกนานพอสมควร ด้วยมัวหมกมุ่นอยู่กับกราฟ และก็เพิ่งล้างพอร์ตไปอีก เลยต้องมาดูว่าตัวเองเทรดแบบไหน ทำยังไงถึงยังคงการล้างพอร์ตได้คงเส้นคงวาแบบนี้ 5555

ก็มัวไปศึกษา หาความรู้ บวกกับหยุดพักสมอง ช่วงที่พักก็ไปเทรดตัวเดโม แต่แปลกว่าเทรดตัวเดโม ทำยังไงก็กำไร แต่ทำไมพอเงินจริงทีไร ล้างพอร์ตทุกที แปลกมั้ยล่ะพี่น้อง 5555

ด้วยเดโม ไม่มีความกดดันอะไรเลย เทรดได้เทรดเสีย มันก็ไม่ได้เงินอยู่ดี โดยไม่ได้คิดว่าระบบเทรดเป็นอย่างไร เข้าออกแบบไหน ตรงไหน เอาอารมณ์เทรดล้วน ๆ เลย

หลังจากที่ได้พูดคุยกับพี่ในวงการท่านหนึ่ง ท่านก็ให้ทุนมาเทรด ต้องขอขอบพระคุณท่านพี่ไว้ตรงนี้ด้วยน่ะครับ ก็ตั้งใจว่าจะตั้งใจเทรดให้เต็มที จะพยายามเก็บกำไรมาให้ได้ทุกวัน และก็จะพยายามเข้าออกตามระบบ แล้วจะแวะมาอัพเดทผลงานน่ะครับ วันนี้ชะแว้บไปเทรดต่อก่อนครับ…ไปล่ะครับ

วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ในที่สุดก็ “ล้างพอร์ต”

หลังจากที่ถือออร์เดอร์ข้ามอาทิตย์ ในที่สุดก็ไปไม่รอดครับ โดนลากจนล้างพอร์ตเรียบร้อย ทำให้เข้าใจแล้วว่า อย่าหวังว่ามันจะกลับมา จริง ๆ แล้วต้องกลับมา แต่ว่าจะมาตอนไหน ทำไมเราไม่ตัดไฟแต่ต้นลมล่ะ ประสบการณ์นี้ทำให้พอทราบสาเหตุหลัก ๆ ว่า

1. เล่นลอตใหญ่เกินไป หวังกำไรมากเกินไป ไม่เผื่อขาดทุน

2. ไม่ยอมตั้ง Stop Loss ปล่อยให้ลาก

3. มัวแต่เสียดาย ไม่อยากขาดทุน ไม่ยอมคัทลอส ได้กำไรแล้วไม่ยอมปิด อยากได้เยอะ

4. ไม่เชื่อระบบ

5. ไม่ดูเทรนใหญ่ เข้าเทรดตามความคิด ไม่เข้าใจตลาด

ถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าครับ บทเรียนราคาแพง ไม่มีใครสอน เจ็บแล้วจำ คราวหน้าจะต้องดีกว่าเก่า สู้ ๆ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผลการเทรดเดือนพฤษภาคม 54 - Week4

อาทิตย์ก็เป็นอีกอาทิตย์ที่นอกระบบไปเยอะ ยังไม่ไปไหนไกลจากเดิม แถมยังมีออร์เดอร์ที่ยังไม่ปิดค้างอยู่ รอดูอาทิตย์หน้าถ้าไม่ลงมาให้ปิด คงตัดขาดทุนไปล่ะ

29-5-2554 20-46-35

วันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผลการเทรดเดือนพฤษภาคม 54 - Week3

อาทิตย์นี้ยอมจริง ๆ ครับ เริ่มวันจันทร์ก็ติดลบเลย แถมถือติดลบยาวเลย จนมาถึงวันศุกร์ กำไรบวกกับทุนเกือบหมดเกลี้ยง เหลือหน้าตักเพียง $21 ก็รีบจัดการเติมเงินเข้าไปอีก $30 คาดว่ายังไงไม่รอดแน่ ๆ ก็เลยปิดคอมเดินหนี ไปหาอะไรทำดีกว่า ดึก ๆ ค่อยมาดู เดชะบุญ กราฟกลับมาเป็นใจ ตื่นมาเช้าวันเสาร์มันกลับมาปิดบวกได้ ได้ทุนมาบวกกับกำไรนิดหน่อยครับ เฮ้อ รอดตัวไปเรา สรุปคือเอากำไรมาเล่นเสีย ส่วนทุนเท่าเดิม

23-5-2554 6-22-32

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ระบบการเทรด

ขอยึดระบบนี้ในการเทรด เพื่อทดสอบระยะเวลา 1 เดือน เริ่มทดสอบเดือนมิถุนายน 54 สิ้นเดือนจะมาสรุปผลการทดสอบว่าเป็นอย่างไร จะไปรอดหรือเปล่า

system

ระบบนี้ประกอบไปด้วย

เส้น EMA6 , EMA18 , EMA26 , EMA50 , EMA100 , EMA200 , EMA300

MACD และ Sto

กฏในการเข้าเทรด ดูจาก TF ใหญ่ลงมายัง TFเล็ก คือไล่ดูจาก D1 H4 H1 M30 M5

ใช้กราฟที่ M5 ในการเข้าเทรด

BUY

1. Sto ตัดขึ้น 

2. MACD ตัดขึ้น

3. เส้น EMA6,18,26 ตัดกันขึ้น

4. ออกจากการเทรดเมื่อเส้นในข้อ 1-3 ตัดกันลง หรือเมื่อพอใจ

SELL

ทำตรงข้ามกับกฎการ BUY

เส้น EMA50 , EMA100 , EMA200 , EMA300 สำหรับดูแนวรับแนวต้าน

จะไม่เข้าเทรดเมื่อกราฟอยู่ในช่วงไซเวย์ แคบๆ